15 กันยายน 2551

ขั้วโลกเหนืออาจไม่มีน้ำแข็งเหลืออยู่ใน1 ปีนี้ แล้วจะเกิดอะไรกับโลกเราอีกล่ะเนี่ย???




เป็นที่ทราบกันว่า ปริมาณน้ำแข็งที่ขั้วโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลนั้น มีความหนาลดลงทุกปี ตามอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่เพิ่มขึ้น







นักวิจัยจาก National Snow and Ice Data Center มหาวิทยาลัย Colorado ได้แสดงความเป็นห่วงว่า ฤดูร้อนในปีนี้มีโอกาสเป็นไปได้ที่น้ำแข็งบนขั้วโลกเหนือจะละลายจนหมด เนื่องจากชั้นน้ำแข็งที่เคลือบผิวหน้าทะเลเอาไว้บางลงมากเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นผลเนื่องมาจากปรากฏการณ์ Arctic Oscillation ทำให้อัตราการไหลของน้ำแข็งขั้วโลกลงสู่ทะเลเร็วขึ้น เหลือเพียงชั้นน้ำแข็งบาง ๆ อายุ 1 ปีเท่านั้น
ข้อมูลเพิ่มเติมจากภาพถ่ายดาวเทียมของ NASA ในเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคมที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าน้ำแข็งที่ล้อมรอบขั้วโลกเหนือนั้นลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องน้ำแข็งขั้วโลกก็แสดงความเป็นห่วงว่า โอกาสที่น้ำแข็งขั้วโลกเหนือจะละลายหมดมีถึง ครึ่งต่อครึ่ง หรือแม้แต่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ที่ประมาณการณ์แบบอนุรักษ์นิยมแล้วก็ยังให้โอกาสในการเกิดปรากฏการณ์นี้ถึง 1 ใน 4และแม้ว่าปรากฏการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นในปีนี้ก็ตาม เราก็อาจจะได้เห็นในอนาคตอันใกล้นี้อยู่ดี
ที่มา : Blognone

02 กันยายน 2551

บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพนี้ เราคนไทยจะทำอย่างไร?


ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ปะทะกัน ระหว่างกลุ่มประชาชนสองฝ่ายในกรุงเทพฯ ว่า เมื่อเวลาเที่ยงคืนเข้าสู่วันอังคารที่ 2 ก.ย. กลุ่มผู้ชุมนุม นปก.หรือ นปช. กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยเพื่อต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ เคลื่อนขบวนจากสนามหลวง นำโดยรถบรรทุก 6 ล้อที่ใช้เป็นเวทีชั่วคราว ผ่านสถานีตำรวจนางเลิ้ง โดยประกาศว่า จะขอยึดทำเนียบรัฐบาลคืนให้ทางการ
ระหว่างนั้น ที่เวทีกลุ่มพันธมิตรในทำเนียบ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ขึ้นเวทีแจ้งว่า กลุ่มนปก.เคลื่อนเข้ามาใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ให้ผู้ชุมนุมดูแลตนเองและอยู่ในทำเนียบ ซึ่งเมื่อประกาศเสร็จ มีกลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนต้องการกลับ แต่การ์ดพันธมิตรแจ้งว่า ฝ่ายนปก.กระจายกำลังอยู่ด้านนอก อาจไม่ปลอดภัย ผู้ชุมนุมพันธมิตรบางส่วนจึงหยิบไม้และใส่หมวกกันน็อกป้องกันตัว
ต่อมาตำรวจราว 2 กองร้อยนำกำลังมาตั้งแถวกั้นการเคลื่อนขบวนของฝ่ายนปก. บริเวณแยกจปร. ส่วนด้านหลังฝ่ายพันธมิตรนำแนวเหล็กมากั้นขวางตลอดแนวถนนราชดำเนิน กระทั่งถึงช่วงตี 1 ฝ่าย นปก.เคลื่อนกำลังเข้ามาใกล้อีกและทลายแนวกั้นของตำรวจได้ ก่อนวิ่งฝ่าเข้าไป ขณะที่ฝ่ายพันธมิตรวิ่งออกมากั้น และปะทะกัน ทั้งใช้ไม้ฟาด ปาก้อนหินและยิงหนังสะติ๊ก โดยมีเสียงคล้ายอาวุธปืนดังขึ้น 5 ครั้ง ระหว่างนั้นผู้เห็นเหตุการณ์เห็นคนบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย และมีรถพยาบาลเข้ามายังพื้นที่ราว 7 คัน

จากนั้นฝ่ายพันธมิตรถอยร่นมาที่แยกสะพานมัฆวาน ขณะที่บนเวทีพันธมิตรประกาศให้ผู้ชุมนุมอย่าใช้ความรุนแรง เพราะอาจเข้าทางรัฐบาล ประกาศใช้พ.ร.ก.ภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมสถานการณ์
ในเวลา 01.40 น. ตำรวจเพิ่มกำลังเข้ามาอีก 3 กองร้อยและตั้งแถวกั้นผู้ชุมนุม 2 ฝั่ง โดยฝั่งที่ประชิดกลุ่มนปก.จัดเป็น 3 แถว และฝั่งประชิดพันธมิตรตั้งเป็น 4 แถว สถานการณ์คลี่คลายลงเล็กน้อย ฝ่ายนปก.ปักหลักอยู่หน้าสนามมวยราชดำเนิน ส่วนพันธมิตรอยู่ในทำเนียบรัฐบาล
ต่อมาเวลา 02.45 น. ทหาร 4 กองร้อยยกกำลังออกมาเสริมการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ โดยตั้งแถวประจำการอยู่ตรงกลางระหว่างตำรวจที่กั้นผู้ชุมนุมสองฝั่ง
เวลา 03.00 น. มีรายงานผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บกว่า 40 ราย จากการปะทะกันดังกล่าว
ต่อมาในเวลา 07.00 น. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีประกาศภาวะฉุกเฉินในเขตกรุงเทพมหานคร โดยระบุว่า เนื่องจากมีกลุ่มบุคคลดำเนินการให้เกิดความวุ่นวาย กระทบความเรียบร้อยต่อประชาชนและความมั่นคงของรัฐ กระทบต่อพัฒนาการประชาธิปไตย จึงต้องแก้ไขปัญหาให้สิ้นสุดโดยเร็ว พร้อมมีคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้ผบ.ทบ.เป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบตามพ.ร.ก. จนกว่าสถานการณ์จะสงบ นอกจากห้ามชุมนุมตั้งแต่ 5 คนเป็นต้นไปหรือกระทำอันยุยงขัดต่อความสงบ ห้ามเผยแพร่ข้อความให้ประชาชาเกิดความหวากกลัวจนกระทบความมั่นคงของรัฐ และความสงบทั่วราชอาญาจักร ห้ามใช้เส้นทางคมนาคม ยานพาหนะ ตามที่กำหนดห้ามใช้อาคาร และ ให้อพยพประชาชนออกจากอาคารหรือให้ไปอยู่อาคารตามที่กำหนด
ใช้อำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 อันเป็นกฎหมายที่เป็นมีบทบัญญัติบางประการ เกี่ยวกับการจัดการสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งตามมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 , 33 , 34 , 36 , 38 , 41 , 43 , 45 , และมาตรา 63 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้ โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย นายกรัฐมนตรีจึงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ บัดนี้ เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 2 กันยายน 2551
ลงชื่อนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี

ที่มาจากหนังสือพิมพ์ ข่าวสด

25 สิงหาคม 2551

ถ้าอนาคต สามารถเปลี่ยนใบหน้าคนได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น????...


ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ลั่นวาจาว่า การปลูกถ่ายเปลี่ยนทั้งใบหน้า ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการผ่าตัดทดลองในขณะนี้ จะกลายเป็นของที่ทำเป็นประจำกัน ในวันหนึ่งข้างหน้า นิตยสารการแพทย์ “เดอะ แลนเซต” ของอังกฤษเปิดเผยว่า รายงานของทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับโลก ซึ่งได้ทำการผ่าตัดทดลองเปลี่ยนถ่ายใบหน้าบางส่วนอยู่ในปัจจุบัน 2 ใน 3 ทีม กล่าวแสดงความ เชื่อมั่นเช่นนั้น แม้ว่าการผ่าตัดยังมีโรคแทรก และยังจะต้องทำงานที่จำเป็นเพิ่มอีก ดร.ลอเรนต์ ลันเทียรี ศัลยแพทย์ ตกแต่ง โรงพยาบาลอองรี มอนดัวร์-อัลเบิร์ต เชนร์เวียร์ ในฝรั่งเศส หมอผ่าตัดผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดตบแต่งใบหน้าผู้เสียโฉมอย่างร้ายแรงมาตั้งแต่เกิด กล่าวว่า “ไม่มีเหตุผลที่จะคิดว่า การผ่าตัด ปลูกถ่ายทั้งใบหน้า จะไม่ทำกันเป็นประจำ เช่นเดียวกับการปลูกถ่ายไตหรือตับกันในวันหนึ่ง” ดร.ลอเรนต์กับคณะได้แสดงฝีมือผ่าตัดตบแต่ง ใบหน้าใหม่ให้กับคนไข้ชาวจีน ซึ่งถูกหมีตบและฉีกเอาเนื้อใบหน้าบางส่วนไป เมื่อปีกลาย จนเสียโฉม มีใบหน้าอันน่าเกลียดน่ากลัวเหมือนกับอสุรกาย เขาได้นำเอาแก้ม จมูก และปากที่ได้บริจาคมาใหม่ มาเปลี่ยนแทนใบหน้าส่วนล่างให้ใหม่ ชั่วทำมาได้นาน 6 เดือน คนไข้สามารถยิ้มและกะพริบตาได้ และแค่ต้องกินยาเพื่อต้านปฏิกิริยาปฏิเสธของร่างกายเพียงวันละ 3 เม็ดทุกวันเท่านั้น “น้อยกว่าที่ผู้ป่วยเบาหวานกินประจำวันเสียอีก”.

17 สิงหาคม 2551

อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล???











เร่งตามตัว “ทักษิณ - พจมาน” กลับมาดำเนินคดีในไทย
นายอนันต์ วงศ์ประภารัตน์ เลขานุการศาลฎีกา บอกว่า ทางศาลฎีกาได้ส่งหมายจับ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร จำเลย ที่ 1 และ 2 ในคดีที่ดินรัชดา ที่ไม่เดินทางมารายตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนและกระบวนการในการประสานหน่วยงานอื่น ในการติดตามตัวบุคคลทั้ง 2 มาดำเนินคดีในประเทศไทย และเมื่อมีการตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานศาล, กระทรวงการต่างประเทศ รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่างระบุว่า ยังไม่ได้รับหมายจับ และการประสานในการติดตามจับกุมตัวบุคคลทั้ง 2 ด้านนายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ บอกว่า กระทรวงการต่างประเทศได้ทำหนังสือส่งไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง เพื่อสอบถามข้อมูล เกี่ยวกับคดี พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาเพิกถอนหนังสือเดินทางพิเศษทางการฑูต หรือ พาสปอร์ตแดง หากทางศาลฯมีหนังสือแจ้งกลับแล้ว ทางกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นผู้พิจารณา ประกอบกับระเบียบหนังสือเดินทางการฑูตว่าจะเข้าข่ายข้อใดในการดำเนินการเพิกถอนหลังสือเดินทางขณะที่ นายณรัช อิ่มสุขศรี เลขานุการศาลอาญา ร่วมหารือกับนายปราโมทย์ พิพัฒน์ปราโมทย์ ผู้พิพากษาอาวุธโสศาลอาญา เจ้าของสำนวนคดีร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงการชำระภาษีหุ้น บมจ.ชินวัตร คอมพิวเตอร์ แอนด์ คอมมิวนิเคชั่นส์ ซึ่งมี คุณหญิงพจมาน ชินวัตร กับพวกเป็นจำเลย โดยจะมีการหารือในช่วงเช้าวันนี้ เพื่อนำข้อเท็จจริงกรณีที่คุณหญิงพจมาน หลบหนีไปอยู่ในประเทศอังกฤษและถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกหมายจับมาตรวจสอบว่าจะมีคำสั่งออกหมายเรียกคุณหญิงพจมาน มารายงานตัวได้หรือไม่ เนื่องจากเป็นจำเลยที่ได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์ ซึ่งหากเป็นพฤติการณ์ที่จะหลบหนีในคดีนี้ ศาลต้องสั่งปรับเงินประกันจำนวน 5,000,000 บาท และออกหมายจับคุณหญิงพจมานต่อไป

09 สิงหาคม 2551

ระบบความปลอดภัยกีฬาโอลิมปิก 2008 มั่นใจได้แค่ไหน?

ปักกิ่งเกมส์ยังเจอภัยก่อการร้ายไม่หยุดล่าสุด เครื่องบินพาณิชย์ของสายการบินแอร์ไชน่าของจีน ถูกสั่งบินกลับไปที่ญี่ปุ่น หลังจากขู่วางระเบิดผ่านทางอีเมล โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อน หน้าพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2008 เพียงไม่กี่ชั่วโมง โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เที่ยวบิน 406 ต้องบินกลับไปหลังจากมีขู่วางระเบิด ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เมื่อใดก็ตามที่มีการยืนยันว่าเครื่องบินลำนี้ปลอดภัย เครื่องบินก็จะเหินขึ้นฟ้าอีกครั้ง อกิโกะ โนกูชิ โฆษกของสนามบินนาริตะ ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระบุ กลุ่มหัวรุนแรงขู่จะก่อการร้ายในโอลิมปิก ขณะเดียวกัน กลุ่มเตอร์กิสถาน อิสลามิก ปาร์ตี้ ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้ายเพื่อแบ่งแยกดินแดนเขตปกครองตนเองซินเจียง เผยแพร่วิดีโอเทปชุดใหม่ โดยขู่ว่าจะก่อวินาศกรรมในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกชุดนี้ โดยมีเป้าหมายหลักอยู่ที่รถโดยสารประจำทาง, รถไฟ และเครื่องบิน
วิดีโอเทปดังกล่าว มีความยาว 6 นาที โดยมีเสียงของชายคนหนึ่งซึ่งปกปิดใบหน้าขู่ว่าจะก่อการร้ายในโอลิมปิกครั้งนี้ โดยกล่าวเตือนชาวมุสลิมว่าย ย เลือกข้างของคุณ อย่าขึ้นรถบัส, รถไฟ และ เครื่องบิน คันเดียวกับคนจีน และอย่าอยู่ในตึกหรือสถานที่เดียวกับคนจีน ทั้งนี้ เชื่อกันว่า กลุ่มเตอร์กิสถาน อิสลามิก ปาร์ตี้ มีแหล่งซ่องสุมกำลังอยู่ตามพรมแดนในปากีสถาน ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ระบุว่า กลุ่มนี้ได้รับการฝึกก่อการร้ายจากเครือข่ายอัลกออิดะห์ โดยเมื่อเดือนที่แล้วก็เพิ่งเผยแพร่วิดีโอเทปยอมรับว่าอยู่เบื้องหลังการก่อเหตุระเบิดรถประจำทางในจีนหลายครั้ง

25 กรกฎาคม 2551

ไทยเราจะทำหน้าที่ผู้นำอาเซียนได้ดีหรือไม่ในสภาวะที่บ้านมืองของเราวุ่นวายอย่างนี้

ไทยรับช่วงประธานอาเซียน

นายจอร์จ เยียว รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ (ซ้าย) ส่งมอบเอกสารซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ให้กับนายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรี ในระหว่างพิธีปิดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 41 ที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม สหัสรับมอบตำแหน่งประธานอาเซียนต่อจากสิงคโปร์ ระบุรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในช่วงที่กฎบัตรอาเซียนกำลังจะมีผลบังคับใช้ จอร์จ เยียว ยาหอมไทยนำอาเซียนไปโลด ผู้สื่อข่าวรายงานจากสิงคโปร์ว่า นายสหัส บัณฑิตกุล รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้รับมอบตำแหน่งประธานอาเซียนต่อจากนายจอร์จ เยียว รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม หลังสิ้นสุดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยภายใต้กฎบัตรอาเซียนไทยจะรับตำแหน่งประธานอาเซียนเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง หรือจนถึงสิ้นปี 2552

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01for01250751&day=2008-07-25&sectionid=0104

18 กรกฎาคม 2551

จะเกิดอะไรขึ้น???ถ้าคนเล่นหุ้นทั่วโลกทำแบบนี้


เมื่อ 17 ก.ค. บีบีซีรายงานว่า อาคารตลาดหลักทรัพย์นครการาจี ประเทศปากีสถาน กลายเป็นสมรภูมิขนาดย่อมๆ เมื่อกลุ่มนักเล่นหุ้นหัวเสียฮือบุกเข้าไปทำลายทรัพย์สินในตัวอาคาร และจุดไฟยางรถยนต์ประท้วงอยู่ด้านนอก เพราะไม่พอใจที่ราคาหุ้นร่วงกราวรูดไม่หยุด 2 สัปดาห์รวด กลุ่มนักลงทุนและนักเล่นหุ้นรายย่อยหลายร้อยคนเริ่มชุมนุมประท้วงหน้าตลาดหลักทรัพย์การาจี หรือ "เคเอสอี" เพื่อเรียกร้องให้ปิดการซื้อขายชั่วคราว จากนั้นมีบางคนนำยางรถยนต์และสิ่งของต่างๆ มาจุดไฟเผาตรงหน้าทางเข้า ต่อมาเหตุการณ์จึงบานปลายเมื่อผู้ชุมนุมเฮโลแห่พังประตูเข้าไปด้านใน ลงมือทำลายทรัพย์สินพังพินาศสาเหตุการประท้วงเพราะนับตั้งแต่วันจันทร์ที่ 14 ก.ค. จนถึงวันพฤหัสบดี 17 ก.ค. มูลค่าการซื้อขายในตลาดเคเอสอีลดฮวบลงไปถึง 14 เปอร์เซ็นต์ ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ส่งผลให้นักเล่นหุ้นกระเป๋าฉีกไปตามๆ กัน นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยที่ทุบตลาดหุ้นทรุดหนักเป็นเพราะตัวเลขหนี้สินในกลุ่มธุรกิจและผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นมาก ประกอบกับปัญหาวิกฤตภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในเศรษฐกิจปากีสถาน "ปัญหาความขัดแย้งในรัฐบาลผสมกับพันธมิตรทางการเมือง และการที่รัฐบาลสหรัฐกดดันให้รัฐบาลปากีสถานเร่งปราบปรามกองกำลังกลุ่มก่อการร้ายก็ยังเป็นปัจจัยบีบให้ตลาดหุ้นซบเซาอีกด้วย" นักวิเคราะห์ ระบุรายงานข่าวแจ้งว่า เฉพาะวันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ค. มูลค่าหุ้นในตลาดเคเอสอีร่วงทะลุ 4 เปอร์เซ็นต์ หรือ 433.51 จุด อยู่ที่ 10,058.31 จุด ส่วนค่าเงินรูปีร่วงลงอีก 1.3 เปอร์เซ็นต์ สะท้อนถึงภาวะขาลงทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน ทำให้นักเล่นหุ้นในนครการาจีเรียกร้องให้ตลาดเคเอสอีปิดทำการชั่วคราวเพื่อลดความเสียหาย เมื่อผู้บริหารเคเอสอีปฏิเสธ นักเล่นหุ้นกลุ่มนี้จึงรวมตัวกันมาก่อม็อบและบุกพังตลาดหลักทรัพย์ดังกล่าว วันเดียวกัน ที่เมืองใหญ่ๆ แห่งอื่นในปากีสถาน เช่น กรุงอิสลามาบัดและเมืองละฮอร์ มีข่าวว่านักเล่นหุ้นกลุ่มเล็กๆ รวมตัวกันชุมนุมประท้วงและจุดไฟเผายางรถยนต์ใกล้ๆ กับที่ตั้งตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน